12.12.2551

คริชณะจิตสำนึกกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และการบริโภคอาหารมังสวิรัติ



หนังสือเรื่อง ความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติ (Divine Nature) ได้สอนสมาชิกของคริชณะจิตสำนึก (ISKCON) เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้หลายเรื่อง เช่น สารที่เป็นพิษในยาปราบศัตรูพืชและในเนื้อสัตว์ การทำลายป่า สารพิษ และอากาศเป็นพิษ หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสังคม และเสนอทางแก้ปัญหาด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งหมายถึงการรู้ถึงความจริงของธรรมชาติและการไม่ยึดติดอยู่กับวัตถุนิยม เราไม่จำเป็นที่จะต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เช่นการโค่นต้นไม้เพื่อป้อนอุตสาหกรรมการทำกระดาษ และอุตสากรรมอื่นๆ ปรัชญาของคริชณะจิตสำนึก ที่นำมาใช้กับแนวความคิดนี้เน้นที่ “การมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย และมีความคิดรอบคอบ”
     สมาชิกของ ISKCON มีความรักและผูกพันกับธรรมชาติมาก พวกเราพยายามที่จะอยู่อย่างยั่งยืน และใช้ชีวิตสงบสุขใกล้ชิดธรรมชาติ สมาชิกของคริชณะจิตสำนึกจะเคารพทุกชีวิตบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ นก หรือมนุษย์ด้วยกันเอง เราไม่มีสิทธิที่จะทำลายชีวิตผู้อื่นเพื่อความอยู่รอดของเรา แม้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะเป็นเพียงสัตว์ก็ตาม คนในคริชณะจิตสำนึก ต้องงดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ดังนั้น อาหารมังสวิรัติ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุขภาพร่างกาย จิตวิญญาณ และเพื่อสิ่งแวดล้อม
     ตามแนวความคิดของคริชณะจิตสำนึก เชื่อว่า วิกฤตสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นเนื่องจากกิจกรรมทางวัตถุนิยม การแก้ปัญหาจะต้องนำความรู้เรื่องจิตวิญญาณมาพิจารณา คนต้องเคารพและเกรงกลัวพระเจ้า(คริชณะ) เพราะพระเจ้าคือผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ คริชณะจิตสำนึกต้องการให้คนอาศัยอยู่กับสิ่งที่พระเจ้าสร้างให้อย่างสงบและยั่งยืน โดยการอยู่อย่างเรียบง่ายและรอบคอบ ซึ่งการบริโภคอาหารมังสวิรัติจะช่วยลด ปัญหาสิ่งแวดล้อมลงได้ระดับหนึ่ง เพราะอาหารเลี้ยงคนกินมังสวิรัติใช้ทรัพยากรในการผลิตน้อยกว่า อาหารเลี้ยงคนกินเนื้อสัตว์หลายสิบเท่า
     
     มีข้อมูลเปรียบเทียบหลายอย่างที่สนับสนุนความเชื่อของกลุ่มกฤษณะจิตสำนึกในเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์กับการบริโภคแบบมังสวิรัติดังตัวอย่างต่อไปนี้

การผลิตอาหารมังสวิรัติทำลายทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่าการผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และยังก่อให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าด้วย เช่น 

-การผลิตเนื้อ 1 ปอนด์ ต้องใช้เมล็ดธัญพืชและถั่วเหลืองถึง 16 ปอนด์
-พื้นที่ที่ใช้ผลิตเนื้อเพื่อเลี้ยงคนกินเนี้อ 1 คน สามารถใช้ผลิตอาหารเลี้ยงคนกินอาหารมังสวิรัติได้ถึง20 คน
-ถ้านำธัญพืชและถั่วเหลืองที่ใช้ในปศุสัตว์ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาใน 1 ปี มาใช้เลี้ยงคนที่กินมังสวิรัติจะสามารถเลี้ยงคนได้ถึง 1.3 พันล้านคน(Cremo & Goswami 1995)

นอกจากนี้ยังข้อมูลเปรียบเทียบในเรื่องพลังงาน ก๊าซเรือนกระจก และปริมาณน้ำที่ให้ใช้ในการผลิตเนื้อและธัญพืชดังตัวอย่างนี้
-พลังงานที่ใช้ในการผลิตเนื้อจะมากกว่า พลังงานที่ใช้ในการผลิตถั่วเหลืองจำนวนเท่ากันถึง 39 เท่า 
-การผลิตเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ก๊าซเรือนกระจกอื่นๆเช่น มีเทน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากจากกระบวนการย่อยอาหารของวัว ทีสำคัญคือก๊าซนี้สามารถดูดความร้อนไว้ได้มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า
-การเลี้ยงคนที่บริโภคเนื้อสัตว์ต้องใช้น้ำเฉลี่ย 4200 แกลลอนต่อคนต่อวัน ในขณะที่ใช้น้ำเพียง 1200 แกลลอนต่อคนต่อวัน สำหรับการเลี้ยงคนที่บริโภคแบบมังสวิรัติ
-การผลิตเนื้อ 1 ปอนด์ต้องใช้น้ำสูงถึง 2500 แกลลอน 
-การผลิตข้าวสาลี 1 ปอนด์ ใช้น้ำเพียง 25 แกลลอนเท่านั้น(Cremo & Goswami 1995)

ยิ่งไปกว่านั้นการกินอาหารมังสวิรัติยังมีข้อดีอีกหลายประการเช่น ช่วยทำให้ผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็ง น้อยกว่าการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์

สิ่งสำคัญคือการลดความโลภทางวัตถุ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการผลิตอุตสาหกรรมที่สลับซับซ้อน ที่ก่อให้เกิดมลภาวะสิ่งแวดล้อม  อีกนัยหนึ่่ง การลดมลภาวะสิ่งแวดล้อมคือการลดมลภาวะทางจิตวิญญาณของมนุษย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่